อมทุกข์ไปใยยิ้มเข้าไว้

                  ยิ่งเศรษฐกิจซึมกะทือนานเท่าไหร่ ยิ่งเห็นคนยิ้มยากขึ้นทุกวัน
ว่าแต่จะให้หัวร่อต่อกระซิกกันได้ไงไหว ในเมื่อแต่ละรายต่างบ่จี๊, มีเงินน้อยกันเป็นแถว สภาพอย่างนี้เลยไปกด ไปเบียด ไปดันความเบิกบานสำราญใจในชีวิต ให้ยิ่งคิดยิ่งเศร้า หรือไม่ก็ยิ่งคิดก็ยิ่งช้ำมากกว่าอารมณ์ดี เที่ยวแจกยิ้มไปทั่วซะล่ะมากกว่า  อย่างไรก็ตาม คุณผู้อ่านคงเคยได้ยินว่า บ้าน เมืองเรานั้นเป็นสยามเมืองยิ้ม หรือยิ้มสยาม มาตั้งนานแล้วแน่เลย เหตุนี้ แม้ความเครียดจะคอยหลอกหลอนรังควาน หรือมะรุมมะตุ้มรุมรักเราๆ ท่านๆ แค่ไหน ก็อย่าถึงกับมีสีหน้าบูดบึ้ง หรือแม้แต่จะยิ้มทั้งทีก็ต้องฝืนกันสุดๆ  ว่ากันว่า การยิ้มเป็นลักษณะเฉพาะของคนไทยที่สืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษ ส่วนจะจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ล่ะ แต่เท่าที่สังเกตคนไทยชอบยิ้มให้ชาวต่างชาติเสมอ จนเป็นที่มาของคำว่า ยิ้มสยาม ทั้งๆ ที่มีความจริงแฝงอยู่ว่า ไอ้ที่ฉีกยิ้มไปนั้น เป็นเพราะพูดภาษาของเขาไม่ได้ ก็เลยยิ้มไว้ก่อน ก็เหอะ แต่ยิ้มสยามก็สร้างความประทับใจไปแล้วไม่รู้ลืม

นักจิตวิทยา วิเคราะห์ผลดีของการฉีกยิ้ม ให้ฟังว่า... 
                  การยิ้ม ช่วยลดความโกรธของผู้ที่กำลังโกรธท่านได้ ลองเราๆ ท่านๆ ใช้วิธียิ้มสู้กับคนที่อยากหาเรื่องกับเราเอาไว้ เดี๋ยวเรื่องร้ายก็จะกลายเป็นดีขึ้น มาได้เอง ว่าแต่ ถ้าอยากรอดตัวให้ได้กับงานนี้ ควรยิ้มแบบปัญญาอ่อนเข้าไว้ อีกฝ่ายจะได้ไม่ถือสาหาความ ใครเลยจะอยากไปโกรธกับคนบ้องตื้นให้เสียเวลา การยิ้ม ทำให้ ผู้ยิ้มมีสุขภาพจิตดี โดยเฉพาะช่วยควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวที่กำลังรอการระเบิดอยู่ รอมร่อ ให้มองเห็นอะไรไม่ ซีเรียส เคร่งเครียดเกินไป  การยิ้ม ทำให้กล้ามเนื้อทั่วใบหน้าคลายตัวลง ข้อนี้ย่อมเป็นผลดีต่ออิสตรีโดยตรง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นห่วงต่อรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ไม่อยากให้ตีนกาขึ้นไว ก็ต้องฉีกยิ้มเข้าไว้